ศูนย์ฝึกและพัฒนาอาชีพเกษตรกรรมวัดญาณสังวรารามวรมหาวิหาร
อันเนื่องมาจากพระราชดำริ
Agricultural Training and Development Centre
at Wat Yanasangvararam Voramahaviharn
at Wat Yanasangvararam Voramahaviharn
Under H.M. The King Initiative
พระราชดำริ
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ทรงทราบปัญหาสำคัญต่างๆ ที่เกิดขึ้น กับเกษตรกรไทย ได้แก่ ปัญหาความยากจน การใช้สารเคมีที่ทำให้เกิดการเสื่อมโทรมของทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ความล้มเหลวของภาคเกษตรกรรม ซึ่งปัญหาต่างๆ เหล่านั้นล้วนแต่มีผลกระทบร้ายแรงต่อเกษตรกรไทย และฐานะความมั่นคงของชาติเป็นอย่างมาก
ดังนั้นพระองค์จึงมีพระราชหฤทัยมุ่งมั่นอย่างแท้จริงที่จะส่งเสริมฐานะความเป็นอยู่ของเกษตรกรให้อยู่ในฐานะ "พออยู่ พอกิน ตามควร" รวมทั้ง "การพึ่งพาตนเอง" โดยมีพระราชดำริเกี่ยวกับการพัฒนาในด้านต่างๆ ที่เรียกว่า "โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ" ซึ่งมีอยู่ทั่ว ทุกภาคของประเทศ
ประวัติความเป็นมา
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ทรงทราบปัญหาสำคัญต่างๆ ที่เกิดขึ้น กับเกษตรกรไทย ได้แก่ ปัญหาความยากจน การใช้สารเคมีที่ทำให้เกิดการเสื่อมโทรมของทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ความล้มเหลวของภาคเกษตรกรรม ซึ่งปัญหาต่างๆ เหล่านั้นล้วนแต่มีผลกระทบร้ายแรงต่อเกษตรกรไทย และฐานะความมั่นคงของชาติเป็นอย่างมาก
ดังนั้นพระองค์จึงมีพระราชหฤทัยมุ่งมั่นอย่างแท้จริงที่จะส่งเสริมฐานะความเป็นอยู่ของเกษตรกรให้อยู่ในฐานะ "พออยู่ พอกิน ตามควร" รวมทั้ง "การพึ่งพาตนเอง" โดยมีพระราชดำริเกี่ยวกับการพัฒนาในด้านต่างๆ ที่เรียกว่า "โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ" ซึ่งมีอยู่ทั่ว ทุกภาคของประเทศ
ประวัติความเป็นมา
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภุมิพลอดุลยเดช ได้ทอดพระเนตรเห็นความแห้งแล้งและความยากจนของราษฎรที่อาศัยอยู่ในบริเวณรอบๆพื้นที่วัดญาณสังวรารามวรมหาวิหาร เมื่อปี พ.ศ. 2525 และทรงทราบถึงพระประสงค์ ในการที่จะพัฒนาพื้นที่วัดญาณฯ ของสมเด็จพระญาณสังวราสมเด็จพระสังฆราชสกลมหาสังฆปรินายก เมื่อครั้งยังทรงเป็นเจ้าอาวาส วัดญาณสังวรารารามฯ อยู่ในขณะนั้น พระองค์จึงทรงมีพระราชดำริกับคณะที่มาเข้าเฝ้ารับเสด็จให้ร่วมกันพิจารณาจัดและดำเนินโครงการพัฒนาพื้นที่วัดญาณฯ ขึ้น หนึ่งในโครงการดังกล่าวทรงมีพระราชดำรัสให้ หม่อมเจ้าจักรพันธ์เพ็ญศิริ จักรพันธ์ องคมนตรีร่วมกับหน่วยงานต่างๆ พิจารณาจัดตั้งสถานที่ฝึกอบรมด้านการเกษตรให้แก่เยาวชน โดยใช้ชื่อว่า "ศูนย์ฝึกอบรมเยาวชนเกษตรวัดญาณสังวราราม อันเนื่องมาจากพระราชดำริ" ซึ่งได้เริ่มดำเนินการมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2528 มีศูนย์ฝึกและพัฒนาอาชีพราษฎรไทยบริเวณชายแดนจังหวัดปราจีนบุรี (สระแก้ว) เป็นผู้ดำเนินการหลัก
ต่อมาได้รับการพิจารณาจากคณะรัฐมนตรีให้เป็นสถานศึกษาสังกัดกรมการศึกษานอกโรงเรียน เมื่อปี พ.ศ. 2535 พร้อมกับ ชื่อใหม่คือ "ศูนย์ฝึกและพัฒนาอาชีพเกษตรกรรมวัดญาณสังวรารามวรมหาวิหาร อันเนื่องมาจากพระราชดำริ"
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชสยามมงกุฏราชกุมาร และสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาสยามบรมราชกุมารี ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณเสด็จพระราชดำเนินเยี่ยมศูนย์ โดยเฉพาะพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเสด็จพระราชดำเนินแล้ว 3 ครั้ง คือ
1) เมื่อวันที่ 28 ตุลาคม 2530
2) เมื่อวันที่ 28 มิถุนายน 2531
3) เมื่อวันที่ 22 สิงหาคม 2533
1) เมื่อวันที่ 28 ตุลาคม 2530
2) เมื่อวันที่ 28 มิถุนายน 2531
3) เมื่อวันที่ 22 สิงหาคม 2533
พระราชดำรัส
พระราชดำรัสที่พระราชทานให้แก่ศูนย์ฝึกและพัฒนาอาชีพเกษตรกรรมวัดญาณสังวรารามวรมหาวิหาร อันเนื่องมาจากพระราชดำริ เมื่อวันที่ 28 ตุลาคม 2530
1. การแก้ปัญหาสภาพดินเสื่อมโทรม และให้ความรู้ด้านการอนุรักษ์ดินและน้ำแก่ราษฎรทั่วไป
2. การทดลองปลูกพืชที่เหมาะสมกับสภาพดิน
3. การฝึกอบรมควรเน้นการใช้น้ำอย่างประหยัด
4. ให้มีการติดตามผลการนำความรู้ไปใช้ของผู้ผ่านการอบรมอย่างสม่ำเสมอ
5. ให้มีกระบวนการจัดการและการตลาดเพื่อความมั่นใจแก่ผู้เข้ารับการอบรม
6. การแปรรูปและการถนอมอาหาร ควรจัดเป็นหลักสูตรให้สอดคล้องกับการนำความรู้ไปใช้
7. หน่อไม้ฝรั่งเป้นพืชที่ควรส่งเสริมชนิดหนึ่งเพราะตลาดต่างประเทศต้องการมาก
8. ควรจัดเป็นสถานศึกษาเปิดเพื่อให้บริการแก่ราษฎรที่มีความสนใจเข้าชมและศึกษาด้วยตนเอง
9. ควรขยายจำนวนผู้เข้ารับการอบรมเพิ่มทีละน้อย ไม่ควรใหญ่โตอย่างรวดเร็ว หรือมีปริมาณผู้เข้ารับอบรมมากเกิน
ภูมิหลัง
เมื่อวันที่ 30 ตุลาคม 2528 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระราชดำริ กับหม่อมเจ้าจักรพันธ์เพ็ญศิริ จักรพันธ์ องคมนตรี และนายสุเมธ ตันติเวชกุล ผู้อำนวยการสำนักงาน กปร. ให้ร่วมพิจารณาจัดตั้งสถานฝึกอบรมเยาวชนเกษตร โดยมีสาระสำคัญสรุปได้ดังนี้
1. อยากให้วัดมีบทบาทแบบดั้งเดิม เป็นศูนย์รวมศรัทธาของชุมชนให้ชาวบ้านมาพึ่งได้
2. โครงการวัดญาณฯ นี้ ควรมีโรงพยาบาลและโรงเรียน หากไม่จัดตั้งโรงเรียนก็ควรตั้งเป็นศูนย์เยาวชนเกษตรแทน โดยเอาลูกศิษย์วัดมาฝึกอบรมวิชาหาความรู้ เพื่อต่อไปจะได้นำไปประกอบอาชีพได้ และในเวลาว่างก็มาปรนนิบัตรพระ และจะได้รับการอบรมด้านศีลธรรมควบคู่ไปด้วย
3. เมื่อมีการพัฒนาพื้นที่ชายฝั่งทะเลตะวันออก (Eastern Seaboard) แล้วความเจริญทางด้านวัตถุจะเข้ามามาก วัดญาณฯ นี้จะเป็นแหล่งสร้างความเจริญทางจิตใจมิให้เสื่อมโทรมไปด้วย
4. ให้หน่วยราชการที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ ร่วมกันจัดทำแผนงานฝึกอบรมเยาวชนเกษตรในพื้นที่วัดญาณสังวรารามวรมหาวิหาร ในชั้นต้นให้จัดหาเยาวชนเข้ารับการฝึกอบรม ซึ่งควรจะเป็นลูกศิษย์วัด
หลังจากนั้นเมื่อวันที่ 4 พฤศจิกายน 2528 ณ วัดบวรนิเวศวิหาร สมเด็จพระญาณสังวรได้เชิญหม่อมเจ้าจักรพันธ์เพ็ญศิริ จักรพันธ์ ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ (กปร.) และอาจารย์มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์บางเขน ประชุมร่วมกัน และที่ประชุมก็ได้มอบหมายให้สำนักงาน กปร. รับไปพิจารณาจัดทำแผนงานจัดตั้งสถานฝึกอบรมเยาชนเกษตร
ต่อมาก็ได้จัดให้มีการประชุมขึ้นอีก 2 ครั้ง คือ เมื่อวันที่ 7 มกราคม 2529 และ 11 กุมภาพันธ์ 2529 โดยได้มีการจัดให้มีการประชุมภายในร่วมกับหน่วยราชการที่เกี่ยวข้อง ในการจัดตั้งสถานฝึกอบรมเยาวชนเกษตรขึ้น ณ ห้องกุฏิท่านสมเด็จพระญาณสังวร วัดบวรนิเวศวิหาร โดยมีสมเด็จพระญาณสังวร ทรงเป็นประธานในที่ประชุม ในการประชุมทั้ง 2 ครั้งดังกล่าว เป็นการประชุมชี้แจงถึงความเป็นมาของศูนย์ฝึกอบรม และบทบาทของแต่ละหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะกรมการศึกษานอกโรงเรียน ซึ่งเป็นหน่วยงานหลักในการดำเนินงานเกี่ยวกับศูนย์อบรมเยวชนเกษตรโดยตรง และก็ได้มีการมอบหมายให้แต่ละหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ไปศึกษาในรายละเอียดในการจัดทำแผนงานและงบประมาณในการดำเนินงานต่อไป
ในปี 2528 สำนักงานคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ (กปร.) ได้จัดสรรงบประมาณให้แก่กรมชลประทานก่อสร้างอาคารหอพัก ชาย-หญิง จำนวน 2 หลัง อาคารหอประชุมและอเนกประสงค์ 1 หลัง ในพื้นที่ดินของวัดญาณสังวรารามวรมหาวิหาร ด้านหลังโรงพยาบาลวัดญาณสังวราราม จำนวน 60 ไร่ เพื่อจัดเป็นแปลงฝึกหัดและแปลงสาธิต
ในเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2529 มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์บางเขน วิทยาลัยเกษตรกรรมชลบุรี วิทยาลัยเทคนิคชลบุรี และกรมการศึกษานอกโรงเรียนได้ร่วมกันจัดทำหลักสูตรและฝึกอบรมนักศึกษารุ่นแรกจำนวน 7 คน โดยมอบให้กรมการศึกษานอกโรงเรียน โดยศูนย์ฝึกและพัฒนาอาชีพราษฎรไทยบริเวณชายแดนไทยจังหวัดปราจีนบุรี โดยมี ดร.กล้า สมตระกูล ผู้อำนวยการศูนย์ และนายสมศักดิ์ พดด้วง หัวหน้าฝ่ายวิชาเกษตรกรรมเป็นผู้อำนวยการฝึก
พระราชดำรัสที่พระราชทานให้แก่ศูนย์ฝึกและพัฒนาอาชีพเกษตรกรรมวัดญาณสังวรารามวรมหาวิหาร อันเนื่องมาจากพระราชดำริ เมื่อวันที่ 28 ตุลาคม 2530
1. การแก้ปัญหาสภาพดินเสื่อมโทรม และให้ความรู้ด้านการอนุรักษ์ดินและน้ำแก่ราษฎรทั่วไป
2. การทดลองปลูกพืชที่เหมาะสมกับสภาพดิน
3. การฝึกอบรมควรเน้นการใช้น้ำอย่างประหยัด
4. ให้มีการติดตามผลการนำความรู้ไปใช้ของผู้ผ่านการอบรมอย่างสม่ำเสมอ
5. ให้มีกระบวนการจัดการและการตลาดเพื่อความมั่นใจแก่ผู้เข้ารับการอบรม
6. การแปรรูปและการถนอมอาหาร ควรจัดเป็นหลักสูตรให้สอดคล้องกับการนำความรู้ไปใช้
7. หน่อไม้ฝรั่งเป้นพืชที่ควรส่งเสริมชนิดหนึ่งเพราะตลาดต่างประเทศต้องการมาก
8. ควรจัดเป็นสถานศึกษาเปิดเพื่อให้บริการแก่ราษฎรที่มีความสนใจเข้าชมและศึกษาด้วยตนเอง
9. ควรขยายจำนวนผู้เข้ารับการอบรมเพิ่มทีละน้อย ไม่ควรใหญ่โตอย่างรวดเร็ว หรือมีปริมาณผู้เข้ารับอบรมมากเกิน
ภูมิหลัง
เมื่อวันที่ 30 ตุลาคม 2528 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระราชดำริ กับหม่อมเจ้าจักรพันธ์เพ็ญศิริ จักรพันธ์ องคมนตรี และนายสุเมธ ตันติเวชกุล ผู้อำนวยการสำนักงาน กปร. ให้ร่วมพิจารณาจัดตั้งสถานฝึกอบรมเยาวชนเกษตร โดยมีสาระสำคัญสรุปได้ดังนี้
1. อยากให้วัดมีบทบาทแบบดั้งเดิม เป็นศูนย์รวมศรัทธาของชุมชนให้ชาวบ้านมาพึ่งได้
2. โครงการวัดญาณฯ นี้ ควรมีโรงพยาบาลและโรงเรียน หากไม่จัดตั้งโรงเรียนก็ควรตั้งเป็นศูนย์เยาวชนเกษตรแทน โดยเอาลูกศิษย์วัดมาฝึกอบรมวิชาหาความรู้ เพื่อต่อไปจะได้นำไปประกอบอาชีพได้ และในเวลาว่างก็มาปรนนิบัตรพระ และจะได้รับการอบรมด้านศีลธรรมควบคู่ไปด้วย
3. เมื่อมีการพัฒนาพื้นที่ชายฝั่งทะเลตะวันออก (Eastern Seaboard) แล้วความเจริญทางด้านวัตถุจะเข้ามามาก วัดญาณฯ นี้จะเป็นแหล่งสร้างความเจริญทางจิตใจมิให้เสื่อมโทรมไปด้วย
4. ให้หน่วยราชการที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ ร่วมกันจัดทำแผนงานฝึกอบรมเยาวชนเกษตรในพื้นที่วัดญาณสังวรารามวรมหาวิหาร ในชั้นต้นให้จัดหาเยาวชนเข้ารับการฝึกอบรม ซึ่งควรจะเป็นลูกศิษย์วัด
หลังจากนั้นเมื่อวันที่ 4 พฤศจิกายน 2528 ณ วัดบวรนิเวศวิหาร สมเด็จพระญาณสังวรได้เชิญหม่อมเจ้าจักรพันธ์เพ็ญศิริ จักรพันธ์ ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ (กปร.) และอาจารย์มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์บางเขน ประชุมร่วมกัน และที่ประชุมก็ได้มอบหมายให้สำนักงาน กปร. รับไปพิจารณาจัดทำแผนงานจัดตั้งสถานฝึกอบรมเยาชนเกษตร
ต่อมาก็ได้จัดให้มีการประชุมขึ้นอีก 2 ครั้ง คือ เมื่อวันที่ 7 มกราคม 2529 และ 11 กุมภาพันธ์ 2529 โดยได้มีการจัดให้มีการประชุมภายในร่วมกับหน่วยราชการที่เกี่ยวข้อง ในการจัดตั้งสถานฝึกอบรมเยาวชนเกษตรขึ้น ณ ห้องกุฏิท่านสมเด็จพระญาณสังวร วัดบวรนิเวศวิหาร โดยมีสมเด็จพระญาณสังวร ทรงเป็นประธานในที่ประชุม ในการประชุมทั้ง 2 ครั้งดังกล่าว เป็นการประชุมชี้แจงถึงความเป็นมาของศูนย์ฝึกอบรม และบทบาทของแต่ละหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะกรมการศึกษานอกโรงเรียน ซึ่งเป็นหน่วยงานหลักในการดำเนินงานเกี่ยวกับศูนย์อบรมเยวชนเกษตรโดยตรง และก็ได้มีการมอบหมายให้แต่ละหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ไปศึกษาในรายละเอียดในการจัดทำแผนงานและงบประมาณในการดำเนินงานต่อไป
ในปี 2528 สำนักงานคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ (กปร.) ได้จัดสรรงบประมาณให้แก่กรมชลประทานก่อสร้างอาคารหอพัก ชาย-หญิง จำนวน 2 หลัง อาคารหอประชุมและอเนกประสงค์ 1 หลัง ในพื้นที่ดินของวัดญาณสังวรารามวรมหาวิหาร ด้านหลังโรงพยาบาลวัดญาณสังวราราม จำนวน 60 ไร่ เพื่อจัดเป็นแปลงฝึกหัดและแปลงสาธิต
ในเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2529 มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์บางเขน วิทยาลัยเกษตรกรรมชลบุรี วิทยาลัยเทคนิคชลบุรี และกรมการศึกษานอกโรงเรียนได้ร่วมกันจัดทำหลักสูตรและฝึกอบรมนักศึกษารุ่นแรกจำนวน 7 คน โดยมอบให้กรมการศึกษานอกโรงเรียน โดยศูนย์ฝึกและพัฒนาอาชีพราษฎรไทยบริเวณชายแดนไทยจังหวัดปราจีนบุรี โดยมี ดร.กล้า สมตระกูล ผู้อำนวยการศูนย์ และนายสมศักดิ์ พดด้วง หัวหน้าฝ่ายวิชาเกษตรกรรมเป็นผู้อำนวยการฝึก
ขอให้ ศฝก.วัดญาณสังวรารามฯ อยู่คู่ภาคตะวันออกตลอดไป
ตอบลบขอให้ ศฝก.วัดญาณสังวรารามฯ อยู่คู่ภาคตะวันออกตลอดไป ค่ะ
ตอบลบ